ไขข้อข้องใจ ภาวะเลือดออกผิดปกติและอาการปวดเอวที่ตามมาของผู้หญิง
อาการเลือดออกผิดปกติและอาการปวดเอว
ในกรณีที่มีอาการปวดเอวเนื่องจากโรคเฉพาะของผู้หญิงมีความเป็นไปได้ว่า อาจมีก้อนเนื้อขนาดใหญ่เกิดขึ้นที่อวัยวะของผู้หญิง,
เยื่อบุโพรงมดลูกที่เจริญผิดที่เป็นพังผืดขนาดใหญ่ หรือมะเร็งได้กระจายไปยังกระดูกแล้ว ในกรณีที่มีอาการปวดเอวและเลือดออกผิดปกติ
ควรเข้ารับการตรวจที่แผนกสูตินารีแพทย์เพื่อค้นหาสาเหตุและรักษาทันที
ความแตกต่างของประจำเดือนและการมีเลือดออกผิดปกติ
เลือดที่ออกระหว่างรอบเดือนในช่วงไข่ตก จะแตกต่างจากอาการเลือดออกผิดปกติ
เลือดออกผิดปกติ คือ การมีเลือดออกในช่วงที่ไม่ได้มีประจำเดือน ซึ่งมีสาเหตุจากความเครียด, การใช้ชีวิตไม่เป็นระบบ, มะเร็งปากมดลูก หรือเนื้องอกในมดลูก
อาการเลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือน (เลือดออกช่วงไข่ตก)
เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของฮอร์โมนซึ่งอาจมีเลือดจากปากมดลูกปนมาเล็กน้อย และหากรังไข่เป็นแผลขณะที่ปล่อยไข่ออกมา ก็จะมีอาการปวดเอวเพิ่มขึ้นด้วย ปกติแล้วภาวะเลือดออก
ระหว่างรอบเดือนจะมีปริมาณเลือดน้อยและสิ้นสุดไปภายใน 2-3 วัน
ในกรณีที่มีปริมาณเลือดมากและมีเลือดออกนานกว่า 1 สัปดาห์ ควรปรึกษาแผนกสูตินารี ตามปกติแล้วร่างกายของผู้หญิงเมื่อประจำเดือนสิ้นสุดลง ก็จะเข้าสู่ช่วงก่อนไข่ตก ซึ่งอุณหภูมิของร่างกายจะลดต่ำลง
หลังจากไข่ตกอุณหภูมิของร่างกายก็จะเพิ่มสูงขึ้น
ดังนั้น หากเราบันทึกอุณหภูมิร่างกายไว้ จะช่วยให้สามารถแยกได้ง่ายขึ้นว่าเป็นเลือดที่ออกมาระหว่างรอบเดือนหรือเลือดที่ออกผิดปกติ
นอกจากนี้ หากร่างกายอยู่ในช่วงอุณหภูมิต่ำอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีช่วงที่อุณหภูมิสูง แสดงว่า มีประจำเดือน โดยที่ไม่มีการไข่ตก ซึ่งก็สามารถทราบได้จากการบันทึกอุณหภูมิร่างกายเช่นกัน
สาเหตุของการมีเลือดออกผิดปกติ
แบ่งได้ 2 สาเหตุ คือ
- เลือดที่ออกผิดปกติอันเนื่องมาจากการทำงานของร่างกาย
เลือดที่ออกผิดปกติจากการทำงานของร่างกาย คือ การมีเลือดออกเนื่องจากเสียสมดุลของฮอร์โมน ไม่รวมสาเหตุจากการตั้งครรภ์หรือป่วยเป็นโรคใดโรคหนึ่ง
ซึ่งอาการเลือดออกผิดปกติจากการทำงานของร่างกายนั้นจะมีความยืดเยื้อ เนื่องจากเป็นการมีประจำเดือนโดยที่ไข่ไม่ตก
และมีเลือดออกกระปริบกระปรอยก่อนมีประจำเดือน หรือภาวะร่างกายไม่สามารถผลิตโพรเจสเทอโรนได้อย่างเพียงพอในช่วงระยะหลังไข่ตก (Luteal phase defect) พบได้มากในช่วงวัยรุ่นและวัยทอง - เลือดที่ออกผิดปกติอันเนื่องมาจากอวัยวะ
เลือดที่ออกผิดปกติจากอวัยวะ มีสาเหตุมาจากโรคของผู้หญิงซึ่งทำให้เกิดเลือดออกนอกเหนือจากประจำเดือน
ในกรณีที่มีอาการปวดเอวควบคู่ไปกับการมีเลือดออกผิดปกติ มีเลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือรู้สึกปวดเวลาปัสสาวะ
ก็อาจเป็นเลือดที่ออกผิดปกติเนื่องจากอวัยวะเช่นกัน โดยเลือดออกผิดปกติเนื่องจากอวัยวะเป็นอาการเริ่มแรกของโรคต่างๆ
ได้แก่ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เนื้องอกในมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ และมะเร็งมดลูก หากพบว่ามีเลือดออกผิดปกติ
โรคที่ต้องระวังมากที่สุดก็คือ มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งมดลูก นอกจากการมีเลือดออกผิดปกติแล้ว
หากมีปริมาณตกขาวเพิ่มมากขึ้นหรือรู้สึกเจ็บมากขณะมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรปรึกษาสูตินารีแพทย์ในทันที
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อคลาไมเดีย (Chlamydia infection)ของอวัยวะเพศ
โรคนี้จะส่งผลให้เสี่ยงต่อการมีบุตรยาก การคลอดก่อนกำหนดและการแท้งบุตรได้ หากปล่อยทิ้งไว้ เชื้อคลาไมเดีย (Chlamydia infection)
จะเพิ่มจำนวนขึ้นทำให้เกิดอาการท่อนำไข่อักเสบ ดังนั้น สิ่งที่สำคัญก็คือ หากสงสัยว่าตนเองอาจติดโรคทางเพศสัมพันธ์
ควรเข้ารับการตรวจที่แผนกสูตินารีในทันทีและรับการรักษาอย่างต่อเนื่องจนหาย
อาการหรือโรคอืนๆที่อาจทำให้ปวดเอวและมีเลือดออกผิดปกติในผู้หญิง
• อาการเลือดออกผิดปกติและปวดหลังจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่สามารถพบได้ในร้อยละ 6-10 ของผู้หญิง เมื่อเป็นเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ จะทำให้มีบุตรยากและเกิดอาการปวดกระดูกเชิงกรานได้ง่าย
อายุเฉลี่ยที่ตรวจพบอาการเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ คือ 27 ปี แต่ก็เริ่มพบมากขึ้นในช่วงอายุ 10-20 ปี เช่นกัน เรายังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดของการเกิดเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
แต่ตามปกติแล้วเยื่อบุโพรงมดลูกจะถูกขับออกจากร่างกายด้วยประจำเดือน ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่เซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกจะไปติดอยู่ตามอวัยวะในท้อง
ที่อยู่บริเวณรอบๆ มดลูก (รังไข่ ลำไส้ตรง กระเพาะปัสสาวะ) ทำให้เกิดเป็นอาการเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ได้ โดยอาการหลักๆ ของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
คือ มีเลือดออกผิดปกติและปวดท้องประจำเดือนอย่างรุนแรง ปวดท้องน้อย ปวดเอว รู้สึกเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ รู้สึกเจ็บเวลาอุจจาระ คลื่นไส้ อาเจียน
ซึ่งยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดได้
แต่มีสมมุติฐานหลายอย่าง เช่น เป็นผลมาจากกรรมพันธุ์ การมีหรือไม่มีประสบการณ์คลอดบุตร โครงสร้างมดลูกผิดปกติ หรือมีสาเหตุมาจากระบบภูมิต้านทานของตนเอง
การมีเลือดออกผิดปกติและอาการปวดเอว เป็นสัญญาณเตือนของเนื้องอก
กรณีที่มีเลือดออกผิดปกติและมีอาการปวดเอวด้วยอาจเป็นไปได้ว่ามีสาเหตุมาจากเนื้องอก ดังตัวอย่างต่อไปนี้
• เนื้องอกในมดลูก (เนื้องอกชนิดดี)
เนื้องอกในมดลูกเป็นเนื้องอกชนิดดีชนิดหนึ่งซึ่งเกิดในมดลูก ส่วนใหญ่การรักษาจะไม่ผ่าตัดในทันที แต่เป็นการดูอาการ เนื้องอกในมดลูกพบได้มากในผู้หญิงที่อายุ 30-50 ปี
กล่าวกันว่าผู้หญิงที่เจริญเติบโตทางเพศเต็มที่แล้ว 4-5 คน จะมี 1 คน ที่ไม่แสดงอาการเมื่อมีเนื้องอกในระยะแรก แต่เมื่อเนื้องอกมีขนาดใหญ่ขึ้นอาการปวดประจำเดือนก็จะหนักขึ้น
และมีปริมาณประจำเดือนเพิ่มมากขึ้นหรือมีรอบเดือนยาวนานขึ้น หากส่งผลกระทบไปถึงอวัยวะโดยรอบก็จะทำให้มีอาการปัสสาวะบ่อย รู้สึกเจ็บเวลาปัสสาวะและอุจจาระปวดเอว เป็นต้น
และอาจเป็นสาเหตุของการมีบุตรยากและการแท้งบุตรได้ด้วยเช่นกัน จึงจำเป็นต้องระมัดระวัง
• มะเร็งปากมดลูก มะเร็งมดลูก (เนื้องอกที่เป็นเนื้อร้าย)
ในกรณีที่เนื้องอกเป็นเนื้อร้าย (มะเร็งปากมดลูก มะเร็งมดลูก) การตรวจพบให้เร็วและการรักษาโดยเร็วเป็นสิ่งที่สำคัญมาก มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นบริเวณปากทางเข้ามดลูก
สาเหตุหลักมาจากการติดเชื้อ HPV (Human papilloma virus) จากการมีเพศสัมพันธ์ ในช่วงแรกจะไม่ค่อยมีอาการ แต่จะใช้เวลาหลายปีในการพัฒนาไปเป็นมะเร็ง
เมื่ออาการลุกลามขึ้นจะมีปริมาณตกขาว หรือระดูขาวเพิ่มมากขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล มีรอบเดือนนานขึ้น มีเลือดออกผิดปกติและมีเลือดออกเวลามีเพศสัมพันธ์
• มะเร็งมดลูก
คือ การที่เซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกกลายเป็นมะเร็ง มีลักษณะพิเศษ คือ จะมีเลือดออกผิดปกติตั้งแต่ในระยะแรก ตกขาวหรือระดูขาวมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
ดังนั้นหากมีอาการเหล่านี้ควรเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลทันที มะเร็งมดลูกมักพบในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ดี ระยะหลังมีผู้ที่อยู่ในช่วงอายุ 30 ปีป่วยเป็นโรคนี้เพิ่มขึ้นเช่นกัน
แม้ว่าจะเป็นมะเร็งปากมดลูกหรือมะเร็งมดลูก แต่หากสามารถตรวจพบได้ในระยะแรกก็จะมีความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถรักษาได้ ดังนั้น แม้ว่าจะไม่มีอาการก็ตาม หากมีอายุเกิน 20 ปี
แนะนำให้เข้ารับการตรวจที่แผนกสูตินารี ปีละ1 ครั้ง
หากมีเลือดออกผิดปกติและอาการปวดเอวควรระวัง
ข้อควรระวัง
นอกเหนือจากการมีเลือดออกผิดปกติแล้ว หากมีอาการปวดเอวเพิ่มขึ้นมาด้วยควรเข้ารับการตรวจที่แผนกสูตินารีโดยเร็ว
ซึ่งจะช่วยให้สามารถตรวจพบเนื้องอกในระยะแรกได้ ทั้งนี้ หากเป็นในระยะแรกก็สามารถผ่าตัดได้โดยที่ไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อมดลูก
นอกจากนี้ อาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีเลือดออกผิดปกติจากอวัยวะผู้หญิงส่วนอื่น ๆ ด้วย
ดังนั้นจึงควรไปพบแผนกสูตินารี โดยเร็วเพื่อคลายความกังวลใจ