เลือดออกผิดปกติที่มาพร้อมอาการปวดท้อง
อาจเป็นสาเหตุของโรคแอบแฝงที่สาวๆควรให้ความสนใจ
สาเหตุของการมีเลือดออกผิดปกติและอาการปวดท้องร่วมด้วย
สาเหตุของการมีเลือดออกผิดปกติจะแตกต่างกันออกไป หากมีเลือดออกระหว่างประจำเดือนในช่วงไข่ตกเป็นเรื่องที่ไม่ต้องกังวล
แต่ก็มีหลายโรคที่ทำให้เกิดเลือดออกผิดปกติได้ เช่น โรคเกี่ยวกับมดลูก ดังนั้น เมื่อมีเลือดออกผิดปกติและปวดท้องควรเข้ารับการปรึกษาที่แผนกสูตินารีโดยเร็ว
ความแตกต่างของประจำเดือนและการมีเลือดออกผิดปกติ
อุณหภูมิร่างกายกับอาการเลือดออกปกติ
เลือดออกผิดปกติ หมายถึง การมีเลือดออกในช่วงที่ไม่ได้มีประจำเดือน ส่วนใหญ่จะมีเลือดออกประมาณ 2-3 วัน และมีปริมาณใกล้เคียงกับปริมาณของประจำเดือนวันที่ 2 แต่ก็มีกรณีที่
ปริมาณเลือดมากกว่าประจำเดือนวันที่ 2 และมีระยะเวลานานกว่า 1 สัปดาห์เช่นกัน
ซึ่งแต่ละคนจะมีอาการแตกต่างกันไป ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้ปริมาณของเลือดและระยะเวลาที่มีเลือดออก ในการแยกความแตกต่างระหว่างอาการเลือดออกผิดปกติกับรอบเดือนได้
เมื่อร่างกายของผู้หญิงเมื่อเริ่มมีประจำเดือนจนถึงช่วงที่ไข่ตก อุณหภูมิของร่างกายจะต่ำลง เมื่อสิ้นสุดการไข่ตกแล้วอุณหภูมิของร่างกายจะเพิ่มสูงขึ้น
ระยะเวลาที่ร่างกายอุณหภูมิสูงจะต่อเนื่องกันประมาณ 14 วัน หลังจากนั้นก็จะกลับเข้าสู่ช่วงที่ร่างกายมีอุณหภูมิต่ำและมีประจำเดือน
ดังนั้น หากมีเลือดออกช่วงระยะก่อนไข่ตกและไข่ตก อาจจะเป็นเลือดออกผิดปกติได้ แนะนำให้จดบันทึกอุณหภูมิของร่างกายทุกวัน ในเวลาและเงื่อนไขเดียวกัน เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยอาการ
ได้อย่างถูกต้องมากยิ่งขึ้น
โรคเกี่ยวกับมดลูกที่มีอาการปวดท้องและมีเลือดออกผิดปกติ
สาเหตุของการมีเลือดออกผิดปกติจะแตกต่างกันออกไป หากมีเลือดออกระหว่างประจำเดือนในช่วงไข่ตกเป็นเรื่องที่ไม่ต้องกังวล
แต่ก็มีหลายโรคที่ทำให้เกิดเลือดออกผิดปกติได้ เช่น โรคเกี่ยวกับมดลูก ดังนั้น เมื่อมีเลือดออกผิดปกติและปวดท้องควรเข้ารับการปรึกษาที่แผนกสูตินารีโดยเร็ว
• เนื้องอกในมดลูก
เนื้องอกในมดลูกเป็นเนื้องอกชนิดดีซึ่งพบได้มากในช่วงอายุ 30-50 ปี กล่าวกันว่าในผู้หญิงที่เจริญเติบโตเต็มที่แล้ว 4-5 คน จะมีผู้ที่เป็นโรคนี้ 1 คน ในช่วงแรกจะไม่มีอาการใด ๆ
แต่เมื่อก้อนเนื้อใหญ่ขึ้นก็จะปวดประจำเดือนมากขึ้นและมีเลือดออกผิดปกติ ทั้งนี้ ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดก้อนเนื้ออย่างแน่ชัด แต่เป็นที่คาดการณ์กันว่า มีความเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนผู้หญิงซึ่งถูกผลิตออกมาจากรังไข่
• อาการเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) และเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญอยู่ในกล้ามเนื้อมดลูก (Adenomyosis)
โรคที่เกิดจากเซลล์ซึ่งคล้ายกับเยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญเติบโตอยู่ที่อวัยวะอื่นๆ เช่น ท่อนำไข่หรือช่องท้อง โรคที่คล้ายกับโรคนี้ ได้แก่ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญอยู่ในกล้ามเนื้อมดลูก (Adenomyosis)
ทำให้กล้ามเนื้อมดลูกหนาและมดลูกมีขนาดใหญ่ขึ้น
อาการของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ได้แก่ การปวดท้องประจำเดือนอย่างมาก การปวดท้องส่วนล่าง และเมื่ออาการหนักขึ้นจะทำให้ปวดท้องขณะอุจจาระด้วย
ส่วนอาการของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญอยู่ในกล้ามเนื้อมดลูก ได้แก่ การปวดท้องประจำเดือนอย่างมาก การปวดท้องช่วงล่าง การมีประจำเดือนมากผิดปกติและโลหิตจาง
• ติ่งเนื้อปากมดลูก
เป็นโรคที่มีติ่งเนื้อเกิดขึ้นที่ปากมดลูก ซึ่งเป็นเนื้องอกชนิดดี มีอาการ เช่น มีตกขาว หรือระดูขาวเพิ่มมากขึ้น สีของตกขาว หรือระดูขาวเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและมีเลือดออกผิดปกติหรือมีเลือดออกระหว่างอุจจาระ
เป็นโรคที่พบได้มากในช่วงอายุ 20-50 ปีแต่ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคซีสต์ในรังไข่ ซึ่งซีสต์ในรังไข่เป็นโรคที่พบในผู้หญิงทุกวัยและเป็นเนื้องอกชนิดดีที่เกิดขึ้นที่รังไข่จากผลกระทบ
ของโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หากเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกเข้าไปในรังไข่และเป็นก้อนเลือดก็จะเรียกว่า “ช็อกโกแลตซีสต์” หากเป็นน้ำและเนื้อเยื่อก็จะเรียกว่า “ถุงน้ำเนื้องอก”
หากเป็นเซลล์ผม ผิวหนังและฟันก็จะเรียกว่า เดอร์มอยด์ ซีสต์ (Dermoid cyst) บางครั้งก็จะไม่มีอาการใดๆเลย แต่บางครั้งก็จะมีอาการปวดท้องช่วงล่างขึ้นอยู่กับขนาดของก้อนเนื้อ
• ปากมดลูกอักเสบ
ปากมดลูกอักเสบเกิดขึ้นจากการติดเชื้อ Chlamydia หรือเชื้อ E. coli ทำให้เกิดการอักเสบซึ่งจะมีอาการเฉพาะ คือ มีตกขาว หรือระดูขาวที่มีกลิ่นแรง มีสีเหลืองหรือสีเขียวคล้ายหนอง
มีอาการปวดท้องช่วงล่างและมีไข้ต่ำๆ เมื่อการอักเสบลุกลามก็จะทำให้มีเลือดออกผิดปกติ คลื่นไส้อาเจียน มีไข้สูง และทำให้เยื่อบุโพรงมดลูหรืออุ้งเชิงกรานอักเสบ (Pelvic peritonitis)
แต่ในบางคนก็อาจไม่มีอาการใด ๆ
• ปากมดลูกปริ้น
เมื่อมีภาวะปากมดลูกปริ้น เยื่อหุ้มบริเวณทางเข้าออกมดลูกและช่องคลอดจะย้อย ส่งผลให้มีเลือดออกผิดปกติและมีปริมาณตกขาวเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ อาจมีเลือดออกเล็กน้อยหลังมีเพศสัมพันธ์ ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยมีอาการ อย่างไรก็ดี จากการที่เนื้อเยื่อปลิ้น ทำให้ติดเชื้อง่ายขึ้น และมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคปากมดลูกอักเสบได้สูงขึ้นจึงจำเป็นต้องระมัดระวัง
• มะเร็งมดลูก
มะเร็งมดลูกมีลักษณะเฉพาะ คือ ในช่วงแรกจะมีเลือดออกผิดปกติ มีปริมาณตกขาว หรือระดูขาวเพิ่มมากขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
รวมถึงมีปริมาณประจำเดือนเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งสาเหตุของอาการสามารถเกิดได้จากฮอร์โมนผู้หญิงและกรรมพันธุ์
สัญญานของการตั้งครรภ์และอาการเลือดออกผิดปกติ
สัญญาณของการตั้งครรภ์ เมื่อประจำเดือนมาช้ากว่ากำหนด 1 สัปดาห์ ให้สันนิษฐานว่าจะมีโอกาสตั้งครรภ์ สามารถตรวจสอบด้วยตัวเอง
ด้วยเครื่องตรวจการตั้งครรภ์ หากผลเป็นบวกควรเข้ารับการตรวจที่แผนกสูตินารี
การมีเลือดออกผิดปกติเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ในหลายกรณี เช่น เลือดออกในระยะแรกของการตั้งครรภ์
เรียกว่า เลือดล้างหน้าเด็ก (Implantation bleeding), การตั้งครรภ์นอกมดลูก จากกรณีที่ไข่ปฏิสนธิแล้วไม่ได้ฝังตัวในมดลูก
แต่กลับไปฝังตัวที่ท่อนำไข่ และอาการการแท้ง หรือ การแท้งคุกคาม ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในช่วง12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ หากมีเลือดออกผิดปกติควรเข้ารับการตรวจที่แผนกสูตินารีโดยเร็ว
การมีเลือดออกผิดปกติอาจเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน
การมีเลือดออกผิดปกติเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การมีความเครียดสูง การใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นระบบ หรือการลดน้ำหนักอย่างหักโหม
ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ฮอร์โมนเสียสมดุลและเป็นสาเหตุของการมีเลือดออกผิดปกติเช่นกัน
การที่ฮอร์โมนเสียสมดุลเป็นเรื่องที่พบบ่อยในช่วงวัยรุ่นและช่วงวัยทอง หากได้รับการวินิจฉัยจากแผนกสูตินารีว่า สาเหตุของการมีเลือดออกผิดปกติคือ การเสียสมดุลของฮอร์โมน
อาการมักจะดีขึ้นเมื่อฮอร์โมนมีความสมดุลขึ้น แต่หากอาการไม่ดีขึ้นก็ควรจะเข้ารับการตรวจอีกครั้ง
วิธีป้องกันการเกิดเลือดออกผิดปกติ
เพื่อป้องกันอาการปวดท้องและเลือดออกผิดปกติ ก่อนอื่นควรระมัดระวังไม่ให้มีความเครียดสะสม ความเครียดมีผลกระทบต่อสมดุลของฮอร์โมนเป็นอย่างยิ่ง จึงควรหาวิธีผ่อนคลายความเครียด
ที่เหมาะสมกับตัวเอง นอกจากนี้ในกรณีที่มีเลือดออกผิดปกติและมีอาการปวดท้อง อาจมีโรคที่สำคัญซ่อนอยู่ก็เป็นได้ แม้ว่าจะเป็นมะเร็งปากมดลูกหรือเป็นมะเร็งมดลูก
หากสามารถตรวจพบได้ในระยะแรกและเข้ารับการรักษาได้เร็ว ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถรักษาให้หายขาดได้ เมื่ออายุเกิน 20 ปีแล้วควรเข้ารับการตรวจที่แผนกสูตินารีปีละครั้ง
เพื่อตรวจหาโรคต่างๆ ตั้งแต่เนิ่นๆ
หากมีอาการผิดปกติแนะนำให้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การแยกความแตกต่างระหว่างการมีเลือดออกผิดปกติกับการมีประจำเดือนเป็นเรื่องยาก นอกจากนั้น หากไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญก็ยากที่จะวินิจฉัยสาเหตุด้วย เมื่อมีเลือดออกผิดปกติ
หากเป็นเลือดออกระหว่างประจำเดือนซึ่งเกิดจากการไข่ตกตามปกติแล้วก็จะหมดลงภายใน 2-3 วัน แต่หากมีเลือดออกผิดปกติและปวดท้องนานมากกว่า 1 สัปดาห์
มีปริมาณเลือดมากกว่าขณะที่มีประจำเดือน ก็ควรไปโรงพยาบาลทันที หากสาเหตุของการมีเลือดออกผิดปกติเกิดมาจากอวัยวะของผู้หญิงก็ควรตรวจหาโรคโดยเร็ว
เพื่อเริ่มการรักษาได้ทันที แนะนำควรจดบันทึกอุณหภูมิกายของร่างกายเพื่อให้แพทย์ใช้ประกอบการวินิจฉัยได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว