1. หน้าหลัก
  2. เคล็ดลับน่ารู้ สำหรับผู้หญิง
  3. ประจำเดือน วิธีการดูแลตัวเองของผู้หญิง
  4. ภาวะเลือดออกผิดปกติ และอาการปวดท้องที่อาจเกิดขึ้นได้ในผู้หญิงทุกคน

ประจำเดือน เลือดออกผิดปกติ การติดเชื้อ วิธีรักษา  ประจำเดือน เลือดออกผิดปกติ การติดเชื้อ วิธีรักษา

เลือดออกผิดปกติที่มาพร้อมอาการปวดท้อง
อาจเป็นสาเหตุของโรคแอบแฝงที่สาวๆควรให้ความสนใจ

สาเหตุของการมีเลือดออกผิดปกติและอาการปวดท้องร่วมด้วย

สาเหตุของการมีเลือดออกผิดปกติจะแตกต่างกันออกไป หากมีเลือดออกระหว่างประจำเดือนในช่วงไข่ตกเป็นเรื่องที่ไม่ต้องกังวล

แต่ก็มีหลายโรคที่ทำให้เกิดเลือดออกผิดปกติได้ เช่น โรคเกี่ยวกับมดลูก ดังนั้น เมื่อมีเลือดออกผิดปกติและปวดท้องควรเข้ารับการปรึกษาที่แผนกสูตินารีโดยเร็ว

ความแตกต่างของประจำเดือนและการมีเลือดออกผิดปกติ

อุณหภูมิร่างกายกับอาการเลือดออกปกติ

เลือดออกผิดปกติ หมายถึง การมีเลือดออกในช่วงที่ไม่ได้มีประจำเดือน ส่วนใหญ่จะมีเลือดออกประมาณ 2-3 วัน และมีปริมาณใกล้เคียงกับปริมาณของประจำเดือนวันที่ 2 แต่ก็มีกรณีที่

ปริมาณเลือดมากกว่าประจำเดือนวันที่ 2 และมีระยะเวลานานกว่า 1 สัปดาห์เช่นกัน

ซึ่งแต่ละคนจะมีอาการแตกต่างกันไป ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้ปริมาณของเลือดและระยะเวลาที่มีเลือดออก ในการแยกความแตกต่างระหว่างอาการเลือดออกผิดปกติกับรอบเดือนได้

เมื่อร่างกายของผู้หญิงเมื่อเริ่มมีประจำเดือนจนถึงช่วงที่ไข่ตก อุณหภูมิของร่างกายจะต่ำลง เมื่อสิ้นสุดการไข่ตกแล้วอุณหภูมิของร่างกายจะเพิ่มสูงขึ้น

ระยะเวลาที่ร่างกายอุณหภูมิสูงจะต่อเนื่องกันประมาณ 14 วัน หลังจากนั้นก็จะกลับเข้าสู่ช่วงที่ร่างกายมีอุณหภูมิต่ำและมีประจำเดือน

ดังนั้น หากมีเลือดออกช่วงระยะก่อนไข่ตกและไข่ตก อาจจะเป็นเลือดออกผิดปกติได้ แนะนำให้จดบันทึกอุณหภูมิของร่างกายทุกวัน ในเวลาและเงื่อนไขเดียวกัน เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยอาการ

ได้อย่างถูกต้องมากยิ่งขึ้น

โรคเกี่ยวกับมดลูกที่มีอาการปวดท้องและมีเลือดออกผิดปกติ

สาเหตุของการมีเลือดออกผิดปกติจะแตกต่างกันออกไป หากมีเลือดออกระหว่างประจำเดือนในช่วงไข่ตกเป็นเรื่องที่ไม่ต้องกังวล

แต่ก็มีหลายโรคที่ทำให้เกิดเลือดออกผิดปกติได้ เช่น โรคเกี่ยวกับมดลูก ดังนั้น เมื่อมีเลือดออกผิดปกติและปวดท้องควรเข้ารับการปรึกษาที่แผนกสูตินารีโดยเร็ว

• เนื้องอกในมดลูก

เนื้องอกในมดลูกเป็นเนื้องอกชนิดดีซึ่งพบได้มากในช่วงอายุ 30-50 ปี กล่าวกันว่าในผู้หญิงที่เจริญเติบโตเต็มที่แล้ว 4-5 คน จะมีผู้ที่เป็นโรคนี้ 1 คน ในช่วงแรกจะไม่มีอาการใด ๆ

แต่เมื่อก้อนเนื้อใหญ่ขึ้นก็จะปวดประจำเดือนมากขึ้นและมีเลือดออกผิดปกติ ทั้งนี้ ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดก้อนเนื้ออย่างแน่ชัด แต่เป็นที่คาดการณ์กันว่า มีความเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนผู้หญิงซึ่งถูกผลิตออกมาจากรังไข่


• อาการเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) และเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญอยู่ในกล้ามเนื้อมดลูก (Adenomyosis)

โรคที่เกิดจากเซลล์ซึ่งคล้ายกับเยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญเติบโตอยู่ที่อวัยวะอื่นๆ เช่น ท่อนำไข่หรือช่องท้อง โรคที่คล้ายกับโรคนี้ ได้แก่ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญอยู่ในกล้ามเนื้อมดลูก (Adenomyosis)

ทำให้กล้ามเนื้อมดลูกหนาและมดลูกมีขนาดใหญ่ขึ้น

อาการของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ได้แก่ การปวดท้องประจำเดือนอย่างมาก การปวดท้องส่วนล่าง และเมื่ออาการหนักขึ้นจะทำให้ปวดท้องขณะอุจจาระด้วย

ส่วนอาการของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญอยู่ในกล้ามเนื้อมดลูก ได้แก่ การปวดท้องประจำเดือนอย่างมาก การปวดท้องช่วงล่าง การมีประจำเดือนมากผิดปกติและโลหิตจาง


• ติ่งเนื้อปากมดลูก

เป็นโรคที่มีติ่งเนื้อเกิดขึ้นที่ปากมดลูก ซึ่งเป็นเนื้องอกชนิดดี มีอาการ เช่น มีตกขาว หรือระดูขาวเพิ่มมากขึ้น สีของตกขาว หรือระดูขาวเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและมีเลือดออกผิดปกติหรือมีเลือดออกระหว่างอุจจาระ

เป็นโรคที่พบได้มากในช่วงอายุ 20-50 ปีแต่ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคซีสต์ในรังไข่ ซึ่งซีสต์ในรังไข่เป็นโรคที่พบในผู้หญิงทุกวัยและเป็นเนื้องอกชนิดดีที่เกิดขึ้นที่รังไข่จากผลกระทบ

ของโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หากเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกเข้าไปในรังไข่และเป็นก้อนเลือดก็จะเรียกว่า “ช็อกโกแลตซีสต์” หากเป็นน้ำและเนื้อเยื่อก็จะเรียกว่า “ถุงน้ำเนื้องอก”

หากเป็นเซลล์ผม ผิวหนังและฟันก็จะเรียกว่า เดอร์มอยด์ ซีสต์ (Dermoid cyst) บางครั้งก็จะไม่มีอาการใดๆเลย แต่บางครั้งก็จะมีอาการปวดท้องช่วงล่างขึ้นอยู่กับขนาดของก้อนเนื้อ


• ปากมดลูกอักเสบ

ปากมดลูกอักเสบเกิดขึ้นจากการติดเชื้อ Chlamydia หรือเชื้อ E. coli ทำให้เกิดการอักเสบซึ่งจะมีอาการเฉพาะ คือ มีตกขาว หรือระดูขาวที่มีกลิ่นแรง มีสีเหลืองหรือสีเขียวคล้ายหนอง

มีอาการปวดท้องช่วงล่างและมีไข้ต่ำๆ เมื่อการอักเสบลุกลามก็จะทำให้มีเลือดออกผิดปกติ คลื่นไส้อาเจียน มีไข้สูง และทำให้เยื่อบุโพรงมดลูหรืออุ้งเชิงกรานอักเสบ (Pelvic peritonitis)

แต่ในบางคนก็อาจไม่มีอาการใด ๆ


• ปากมดลูกปริ้น

เมื่อมีภาวะปากมดลูกปริ้น เยื่อหุ้มบริเวณทางเข้าออกมดลูกและช่องคลอดจะย้อย ส่งผลให้มีเลือดออกผิดปกติและมีปริมาณตกขาวเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ อาจมีเลือดออกเล็กน้อยหลังมีเพศสัมพันธ์ ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยมีอาการ อย่างไรก็ดี จากการที่เนื้อเยื่อปลิ้น ทำให้ติดเชื้อง่ายขึ้น และมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคปากมดลูกอักเสบได้สูงขึ้นจึงจำเป็นต้องระมัดระวัง


• มะเร็งมดลูก

มะเร็งมดลูกมีลักษณะเฉพาะ คือ ในช่วงแรกจะมีเลือดออกผิดปกติ มีปริมาณตกขาว หรือระดูขาวเพิ่มมากขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล

รวมถึงมีปริมาณประจำเดือนเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งสาเหตุของอาการสามารถเกิดได้จากฮอร์โมนผู้หญิงและกรรมพันธุ์

สัญญานของการตั้งครรภ์และอาการเลือดออกผิดปกติ

สัญญาณของการตั้งครรภ์ เมื่อประจำเดือนมาช้ากว่ากำหนด 1 สัปดาห์ ให้สันนิษฐานว่าจะมีโอกาสตั้งครรภ์ สามารถตรวจสอบด้วยตัวเอง

ด้วยเครื่องตรวจการตั้งครรภ์ หากผลเป็นบวกควรเข้ารับการตรวจที่แผนกสูตินารี

การมีเลือดออกผิดปกติเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ในหลายกรณี เช่น เลือดออกในระยะแรกของการตั้งครรภ์

เรียกว่า เลือดล้างหน้าเด็ก (Implantation bleeding), การตั้งครรภ์นอกมดลูก จากกรณีที่ไข่ปฏิสนธิแล้วไม่ได้ฝังตัวในมดลูก

แต่กลับไปฝังตัวที่ท่อนำไข่ และอาการการแท้ง หรือ การแท้งคุกคาม ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในช่วง12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ หากมีเลือดออกผิดปกติควรเข้ารับการตรวจที่แผนกสูตินารีโดยเร็ว

การมีเลือดออกผิดปกติอาจเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน

การมีเลือดออกผิดปกติเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การมีความเครียดสูง การใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นระบบ หรือการลดน้ำหนักอย่างหักโหม

ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ฮอร์โมนเสียสมดุลและเป็นสาเหตุของการมีเลือดออกผิดปกติเช่นกัน

การที่ฮอร์โมนเสียสมดุลเป็นเรื่องที่พบบ่อยในช่วงวัยรุ่นและช่วงวัยทอง หากได้รับการวินิจฉัยจากแผนกสูตินารีว่า สาเหตุของการมีเลือดออกผิดปกติคือ การเสียสมดุลของฮอร์โมน

อาการมักจะดีขึ้นเมื่อฮอร์โมนมีความสมดุลขึ้น แต่หากอาการไม่ดีขึ้นก็ควรจะเข้ารับการตรวจอีกครั้ง


วิธีป้องกันการเกิดเลือดออกผิดปกติ

เพื่อป้องกันอาการปวดท้องและเลือดออกผิดปกติ ก่อนอื่นควรระมัดระวังไม่ให้มีความเครียดสะสม ความเครียดมีผลกระทบต่อสมดุลของฮอร์โมนเป็นอย่างยิ่ง จึงควรหาวิธีผ่อนคลายความเครียด

ที่เหมาะสมกับตัวเอง นอกจากนี้ในกรณีที่มีเลือดออกผิดปกติและมีอาการปวดท้อง อาจมีโรคที่สำคัญซ่อนอยู่ก็เป็นได้ แม้ว่าจะเป็นมะเร็งปากมดลูกหรือเป็นมะเร็งมดลูก

หากสามารถตรวจพบได้ในระยะแรกและเข้ารับการรักษาได้เร็ว ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถรักษาให้หายขาดได้ เมื่ออายุเกิน 20 ปีแล้วควรเข้ารับการตรวจที่แผนกสูตินารีปีละครั้ง

เพื่อตรวจหาโรคต่างๆ ตั้งแต่เนิ่นๆ


หากมีอาการผิดปกติแนะนำให้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

การแยกความแตกต่างระหว่างการมีเลือดออกผิดปกติกับการมีประจำเดือนเป็นเรื่องยาก นอกจากนั้น หากไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญก็ยากที่จะวินิจฉัยสาเหตุด้วย เมื่อมีเลือดออกผิดปกติ

หากเป็นเลือดออกระหว่างประจำเดือนซึ่งเกิดจากการไข่ตกตามปกติแล้วก็จะหมดลงภายใน 2-3 วัน แต่หากมีเลือดออกผิดปกติและปวดท้องนานมากกว่า 1 สัปดาห์

มีปริมาณเลือดมากกว่าขณะที่มีประจำเดือน ก็ควรไปโรงพยาบาลทันที หากสาเหตุของการมีเลือดออกผิดปกติเกิดมาจากอวัยวะของผู้หญิงก็ควรตรวจหาโรคโดยเร็ว

เพื่อเริ่มการรักษาได้ทันที แนะนำควรจดบันทึกอุณหภูมิกายของร่างกายเพื่อให้แพทย์ใช้ประกอบการวินิจฉัยได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว

KEEP IN TOUCH WITH US

ภาวะเลือดออกผิดปกติ และอาการปวดท้องที่อาจเกิดขึ้นได้ในผู้หญิงทุกคน

ภาวะเลือดออกผิดปกติ และอาการปวดท้องที่อาจเกิดขึ้นได้ในผู้หญิงทุกคน ภาวะเลือดออกผิดปกติ และอาการปวดท้องที่อาจเกิดขึ้นได้ในผู้หญิงทุกคน