ประจำเดือนและอาการผื่นคันที่รบกวนการใช้ชีวิตของสาวๆ
การรับมือกับอาการผื่นคันเวลามีประจำเดือน
ผู้หญิงหลายคนอาจมีปัญหาผื่นและอาการคันในช่วงมีประจำเดือน ซึ่งอาการอาจเป็นสัญญาณแสดงถึงโรคต่างๆได้ ดังนั้นไม่ควรมองข้าม
แต่ควรหาวิธีป้องกัน เรามาบอกลาการเป็นผื่นและอาการคันกันเถอะ
คุณมีผื่นบริเวณจุดซ่อนเร้นช่วงมีประจำเดือนบ่อยแค่ไหน?
ร้อยละ 70 ของผู้หญิงเคยเป็นผื่นบริเวณจุดซ่อนเร้นระหว่างที่มีประจำเดือน
การเป็นผื่นบริเวณอวัยวะเพศส่วนนอก มีจำนวนลดน้อยลงเนื่องจากผลิตภัณฑ์ผ้าอนามัยที่มีคุณภาพดีขึ้น แต่ก็ยังมีคนที่ประสบปัญหาผิวหนังเป็นผื่นในช่วงที่มีประจำเดือน
เนื่องจากสภาพอากาศและสภาพร่างกายอยู่
สาวๆมีผื่นขึ้นบ่อยแค่ไหน
- เป็นผื่นทุกครั้งที่มีประจำเดือน
- มีประจำเดือน 2-3 ครั้งจะเป็นผื่น 1 ครั้ง
- เป็นผื่นบ้างแล้วแต่สภาพอากาศ
- แทบจะไม่เคยเป็นผื่นเลย
*จากการสำรวจของยูนิชาร์ม เดือนสิงหาคม 2017 แบบสำรวจเกี่ยวกับร่างกายของผู้หญิง จำนวนผู้ตอบคำถาม 4949 คน
วิธีการรับมือกับอาการผื่นคัน
-อาบน้ำเพื่อรักษาความสะอาด
-ดูแลโดยการเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ เพื่อไม่ให้เกิดความอับชื้น
-ทายาผิวหนังที่บริเวณจุดซ่อนเร้น
สาเหตุของการเป็นผื่นและมีอาการคันช่วงมีประจำเดือนมี 2 อย่าง
- เกิดจากความอับชื้น
สาเหตุหลักของการเป็นผื่นคันในช่วงที่มีประจำเดือนมาจากความอับชื้น เมื่อใช้ผ้าอนามัยจะทำให้ผิวหนังอยู่ในสภาพอับชื้นอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองจากเลือดประจำเดือน
และเหงื่อในบริเวณนั้น ก็จะเกิดเป็นผื่นขึ้นคล้ายๆ กับการเป็นผื่นผ้าอ้อมของเด็กทารก ซึ่งพบได้มากในคนที่มีผิวบอบบาง
- เกิดจากการเสียดสีจากความแห้งของผิวหนัง
อีกสาเหตุหนึ่งคือ การเสียดสี จากการเคลื่อนไหวหรือเดินทำให้ผิวหนังที่แห้งเสียดสีกับผ้าอนามัยเกิดเป็นผื่นขึ้นได้
เมื่อเกิดผื่น สิ่งที่ควรทำเป็นอย่างแรก คือ
การใช้ยาเฉพาะจุด
ก่อนอื่นใช้น้ำอุ่นทำความสะอาดบริเวณที่เป็นผื่นและมีอาการคัน เมื่อแห้งดีแล้วให้ใช้ยาทาเฉพาะจุดที่มีจำหน่ายทั่วไป หากอาการไม่ดีขึ้นควรเข้ารับการตรวจที่แผนกสูตินารีเวชหรือแผนกผิวหนัง
ใช้ทิชชู่เปียกเมื่ออยู่ข้างนอก
เมื่อเป็นผื่นหรือมีอาการคันเวลาอยู่ข้างนอก ให้ใช้กระดาษทิชชูเปียกหรือสำลีทำความสะอาดที่อ่อนโยนต่อผิวทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศส่วนนอกอย่างอ่อนโยน
เลี่ยงการใช้สบู่ถู
การใช้น้ำอุ่นล้างบริเวณจุดซ่อนเร้นซึ่งมีอาการเป็นผื่นจะดีที่สุด หากใช้สบู่ถูจะยิ่งทำให้อาการแย่ลงได้ เนื่องจากสบู่มีสารลดแรงตึงผิว (Surfactant) จึงทำให้ผิวระคายเคือง และก่อให้เกิดการอักเสบได้ง่าย
สิ่งสำคัญในการป้องกันการเป็นผื่นและอาการคัน
การเลือกผ้าอนามัย
คนที่เป็นกังวลเกี่ยวกับการเป็นผื่นและอาการคันควรเลือกผ้าอนามัยที่มีผิวสัมผัสนุ่มและอ่อนโยนต่อผิว
เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ และรักษาความสะอาด
ระหว่างมีประจำเดือน ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ ทุก 3-4 ชั่วโมง และอาบน้ำทุกวัน
เพื่อรักษาความสะอาด
การดูแลผิวเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะคนที่มีผิวบอบบางหรือภูมิแพ้
คนที่เป็นผื่นง่าย หลายคนไม่เพียงแต่บริเวณจุดซ่อนเร้นเท่านั้น แต่ผิวหนังส่วนอื่นๆ ก็บอบบาง และมีอาการภูมิแพ้ด้วย ดังนั้น เพื่อที่จะดูแลผิวพรรณอย่างเหมาะสม ควรปรึกษาแผนกสูตินารี
หรือแผนกผิวหนัง
ไม่ควรสะสมความเหนื่อยล้า ควรเพิ่มภูมิต้านทาน
ตามปกติแล้วเมื่อภูมิต้านทานของร่างกายลดลง ผิวหนังก็จะอ่อนแอลงทำให้เป็นผื่นง่าย
ดังนั้นไม่ควรสะสมความเหนื่อยล้าเอาไว้ ควรนอนหลับอย่างเพียงพอและใช้ชีวิตประจำวัน
โดยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย ใส่ใจกับการใช้ชีวิตให้มีสุขภาพดี เพื่อจะได้ใช้ชีวิตได้อย่างสบายในช่วงมีประจำเดือน
อาการเป็นผื่นคัน และมีความผิดปกติของตกขาว หรือระดูขาวร่วมด้วย
แม้ว่าจะไม่ใช่เป็นช่วงประจำเดือน แต่ก็อาจเกิดผื่นและมีอาการคันได้ หากมีอาการดังต่อไปนี้มีโอกาสที่จะป่วยเป็นโรคต่างๆ จึงควรเข้ารับการตรวจที่แผนกสูตินารี
ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา Candida
มีอาการคัน บวม+มีตกขาว หรือระดูขาวสีครีมข้นแห้ง จนไปถึงคันอย่างอย่างรุนแรงบริเวณภายในช่องคลอดจนถึงอวัยวะเพศส่วนนอก เมื่อเกาอาจทำให้เกิดอาการบวมและเจ็บได้
หากร่างกายอุ่นขึ้นก็จะยิ่งมีอาการคันมากขึ้น
ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อโปรโตซัว
มีอาการคัน บวมแดง+มีตกขาว หรือระดูขาวสีเหลืองเข้มหรือสีออกเขียว บางครั้งอาจมีฟองเล็กๆ ปนอยู่ อวัยวะเพศส่วนนอกจะคันมากจนไม่สามารถอดทนได้
เวลาปัสสาวะจะรู้สึกแสบและเพียงแค่เดินก็จะรู้สึกเจ็บ
ตัวโลน
มีอาการคันอย่างรุนแรง+มีหนังลอกสีขาวเทาบริเวณโคนของขนที่จุดซ่อนเร้น เกิดจากมีตัวโลนอยู่ที่โคนของขนบริเวณจุดซ่อนเร้นอาจติดมาจากเวลามีเพศสัมพันธ์ สระว่ายน้ำหรือที่นอน
โรคหิด (Scabies)
มีอาการคันอย่างรุนแรง+มีตุ่มสีแดงขนาดเท่าเม็ดข้าวสารเกิดจากการมีตัวหิดอยู่ ทำให้รู้สึกคันอย่างมากจนนอนไม่หลับ อาจติดมาจากชุดชั้นในหรือที่นอน
โรคอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ติ่งเนื้อที่ปากมดลูก เนื้องอกในมดลูก มะเร็งปากมดลูก มะเร็งมดลูก มะเร็งท่อนำไข่ มะเร็งรังไข่ และมะเร็งช่องคลอด จะมีอาการผื่นคัน เลือดออก ปวดท้องน้อยร่วมด้วย
จึงควรเข้ารับการตรวจที่แผนกสูตินารี