รู้หรือไม่ ความเครียดก่อให้เกิดการความผิดปกติของประจำเดือน
อาการที่มีสาเหตุมาจากความเครียด
ความเครียดส่งผลให้เสียสมดุลของระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติหรือประจำเดือนขาดหายไปและยังส่งผลต่อสภาพจิตใจ
เช่น การเกิดภาวะซึมเศร้า ดังนั้น เราควรหาวิธีผ่อนคลายความเครียดที่เหมาะสมกับตัวเรา เพื่อทำให้ทางร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย
ความเครียดกับความไม่สบายของผู้หญิง
ความเครียดมากจนเกินไปส่งผลต่อร่างกายและจิตใจ
ความเครียดเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในการใช้ชีวิต แต่ถ้ามีความเครียดมากจนเกินไปจะทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติเสียสมดุล
ก่อให้เกิดโรคต่างๆตามมาทั้งทางร่างกายและจิตใจ
อาการส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นเนื่องจากระบบประสาทอัตโนมัติเสียสมดุล
- ตา
ตาล้า ตาแฉะ ลืมตาไม่ขึ้น เจ็บตา ตาแห้ง เป็นต้น - ศรีษะ
ปวดศีรษะ หนักศรีษะ เป็นต้น - คอ
รู้สึกระคายเคือง จุก ติดคอ เป็นต้น - หู
หูอื้อ เป็นต้น - ปาก
ปากแห้ง เจ็บลิ้น เป็นต้น - ระบบหายใจ
อึดอัด หายใจไม่ออก หายใจไม่ได้ ขาดออกซิเจน หอบ เป็นต้น - หัวใจ หลอดเลือด
ใจสั่น อึดอัดบริเวณหน้าอก เจ็บหน้าอก ตาลาย หน้ามืด ตัวร้อนหน้ามืด ตัวเย็น การเปลี่ยนแปลงของความดันเลือด เป็นต้น - มือ แขน
อาการชา เจ็บ หนาว ร้อนที่มือและแขน รู้สึกผิดปกติ เป็นต้น - ระบบย่อยอาหาร
เบื่ออาหาร รู้สึกติดขัดที่ทางเดินอาหารและกระเพาะอาหาร รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอม คลื่นไส้ ท้องบวม แน่นท้องน้อย หนักกระเพาะอาหาร ท้องผูก ท้องเสีย มีแก๊สในท้อง เป็นต้น - ระบบสืบพันธุ์
ประจำเดือนมาไม่ปกติ ปวดท้องประจำเดือน ไม่มีความรู้สึกทางเพศ คันและเจ็บบริเวณอวัยวะเพศส่วนนอก เป็นต้น - ระบบปัสสาวะ
ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะยาก ปัสสาวะหลงเหลือ เป็นต้น - ขา
อาการชา เย็น ร้อน เจ็บ เป็นต้น
ด้านอื่นๆ ผิวหนัง
เหงื่อออกมาก เหงื่อไม่ออก เหงื่อออกขณะตกใจ ผิวแห้ง อาการคัน เป็นต้น
กล้ามเนื้อข้อต่อ
บ่าและไหล่ตึง เจ็บ เมื่อยข้อต่อ ไม่มีแรง เป็นต้น
อาการทั้งตัว
อ่อนล้า เหนื่อยง่าย หน้ามืด มีไข้ต่ำ โซเซ ร่างกายร้อน เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ ตื่นง่าย ตื่นลำบาก เป็นต้น
อาการทางจิตใจ
กังวล หวาดกลัว หงุดหงิด ซึมเศร้า โกรธง่ายไม่มีสมาธิ ไม่มีความกระตือรือร้น กังวลกับเรื่องเล็กน้อย
ความจำลดลง ความระมัดระวังลดลง เศร้าใจง่าย เป็นต้น
ประจำเดือนมาผิดปกติหรือประจำเดือนขาด เนื่องจากความเครียด
ความเครียดเป็นสาเหตุของโรคและอาการต่างๆ ในกรณีของผู้หญิงส่วนใหญ่จะทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ หรือประจำเดือนขาด ประจำเดือนเป็นเครื่องวัดสภาพร่างกายของผู้หญิง เมื่อกังวลเกี่ยวกับงานและความสัมพันธ์รอบตัวจนเกิดเป็นความเครียด ก็เป็นเรื่องไม่แปลกที่รอบเดือนซึ่งมาเป็นประจำ
จะมาช้าบ้างหรือขาดหายไปบ้าง นอกจากนี้ ความเครียดยังทำให้อาการปวดประจำเดือนแย่ลงอีกด้วย เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางสภาพแวดล้อม
อย่างมาก เช่น การเปลี่ยนงานหรือย้าย ที่อยู่ ควรระวังเนื่องจากจะเกิดความเครียดได้ง่าย หากอาการขาดประจำเดือนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ควรเข้ารับการตรวจที่แผนกสูตินารีเพื่อความมั่นใจ
ความเครียดนำไปสู่โรคทางจิตใจได้
นอกจากปัญหาเกี่ยวกับประจำเดือนแล้ว ความเครียดยังทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ไหล่ตึง ปวดเอว นอนไม่หลับ ปวดกระเพาะ ท้องเสีย ท้องผูก ปวดศีรษะ มือเท้าเย็น ไม่อยากรับประทานอาหาร รับประทานอาหารมากเกิน
เมื่ออาการแย่ลงบางคนอาจป่วยเป็นโรคกระเพาะ โรคแผลบนเยื่อบุลำไส้เล็ก หรือมีอาการลำไส้แปรปรวน นอกจากนี้ ความเครียดยังส่งผลต่อโรคทางจิตใจ เช่น โรคซึมเศร้า สิ่งที่สำคัญสำหรับโรคซึมเศร้าก็คือ
การตรวจพบในระยะแรกและเข้ารับการรักษาโดยเร็ว หากรู้สึกเป็นกังวล ไม่ควรเก็บไว้คนเดียวแต่ควรปรึกษาแผนกจิตเวช
อาการปวดไหล่ ปวดคอจากความเครียด
มีผู้หญิงจำนวนมากที่มีอาการปวดไหล่ ปวดคอ เนื่องจากความเครียด ความเครียดทางจิตใจและร่างกายเกี่ยวข้องกับการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ เมื่อกล้ามเนื้อหดเกร็งอย่างต่อเนื่องจะทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดี และเกิดอาการปวดไหล่ได้ นอกจากนี้ การทำงานที่ต้องนั่งหันหน้าเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ก็จะทำให้คอและบ่าแข็งเกร็งเกิดเป็นภาวะปวดบ่าเรื้อรังได้ เพื่อบรรเทาอาการปวดบ่าและคอ
ควรทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เช่น การยืดกล้ามเนื้อ (Stretch) หรือใช้น้ำจากฝักบัวในการทำให้คอและบ่าอบอุ่น เพื่อเร่งการไหลเวียนของเลือด
นอกจากนี้ แนะนำให้ใช้อุปกรณ์เพื่อบรรเทาอาการปวดบ่า เช่น ผ้าที่อุ่นได้ด้วยไมโครเวฟสำหรับวางบนคอ หรือใช้แผ่นรังสี Far infrared ปูขณะนอน หากมีเวลาเล็กน้อย แนะนำให้บริหารร่างกาย
เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณบ่าและคอก็ จะช่วยให้รู้สึกสบายขึ้นได้
วิธีอยู่ร่วมกับความเครียดอย่างชาญฉลาด
สาวๆไม่ควรเก็บสะสมความเหนื่อยไว้มากจนเกินไป ควรพักผ่อนอย่างพอเหมาะเพื่อให้ร่างกายได้หยุดพัก
ในการใช้ชีวิตทุกคนจะมีความเครียดอยู่แล้วไม่ว่ามากหรือน้อย แต่ถ้าหากร่างกายเหนื่อยล้าจนเกินไปจะทำให้ฟื้นฟูร่างกายได้ยาก
และเก็บสะสมความเครียดเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ การสะสมความเครียดมากเกินไปเป็นการทำร้ายร่างกายและจิตใจ ส่งผลให้มีโรคต่างๆ เกิดขึ้นตามมา
ดังนั้น ควรพักผ่อนร่างกาย เพียงแค่หายใจเข้าลึกๆ ก็จะสามารถผ่อนคลายและรู้สึกสบายขึ้น หากจัดการกับงานที่ยุ่งเหยิงได้ในระดับหนึ่งแล้ว
การหยุดพักอย่างเต็มที่ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน
นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอเป็นกุญแจในการแก้ไขความเครียด
เมื่อรู้สึกเครียดขอแนะนำให้นอนหลับ การนอนหลับไม่เพียงแต่จะทำให้ร่างกายได้พักผ่อนเท่านั้น แต่ยังช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าทางจิตใจหายไปด้วย
หากนอนไม่ค่อยหลับให้แช่น้ำอุ่นเล็กน้อยก่อนเข้านอน เพื่อให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายปล่อยความร้อนออกมา
และเข้าสู่โหมดพักผ่อน หากไม่มีเวลาแช่น้ำ เพียงแค่แช่เท้าในน้ำอุ่นก็สามารถช่วยได้เช่นกัน นอกจากนี้การเปลี่ยนเครื่องนอนให้รู้สึกสบายเวลาสัมผัสหรือใช้น้ำมันอโรมากลิ่นที่ชอบ
ฟังเพลงคลาสสิก หรือฟังเสียงธรรมชาติ เช่น เสียงลำธาร เพลงกล่อมเด็ก ก็ช่วยให้รู้สึกง่วงนอนเช่นกัน การออกกำลังกายอย่างหนัก การใช้สมาร์ทโฟน
การรับประทานอาหารก่อนนอนจะทำให้นอนหลับยาก จึงควรระมัดระวัง สำหรับการนอนหลับ คุณภาพของการนอนสำคัญกว่าระยะเวลาของการนอน
ดังนั้น จึงควรหาวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง แม้ว่าจะมีเวลานอนสั้น แต่เราก็ควรใส่ใจให้สามารถนอนหลับสนิท ซึ่งเป็นการนอนหลับที่ทำให้รู้สึกว่า ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
ควรใช้ชีวิตอย่างเป็นระบบและเสริมสร้างร่างกายไม่ให้พ่ายแพ้ต่อความเครียด
เพื่อเป็นการปรับระบบประสาทอัตโนมัติ นอกจากการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอแล้ว เราควรใส่ใจกับการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีระบบด้วย
เพื่อสร้างเสริมให้ร่างกายแข็งแรงไม่พ่ายแพ้ต่อความเครียด สำหรับการรับประทานอาหาร ควรหลีกเลี่ยงอาหารขยะ เลือกรับประทานอาหารอย่างสมดุล
ซึ่งรวมถึงผักต่างๆ ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองและเนื้อสัตว์ซึ่งมีโปรตีน และออกกำลังกายเป็นประจำเช่น การ walking หรือเล่นโยคะ ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน
การผ่อนคลายความเครียดโดยหาวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง
วิธีคลายความเครียดมีหลายวิธี เช่น ทำงานอดิเรกที่ชอบ เปลี่ยนบรรยากาศโดยการไปเที่ยว พูดคุยกับเพื่อนสนิท ผู้ที่มีความรับผิดชอบสูงและพยายามอย่างหนักมักจะเก็บสะสมความเครียดไว้ง่าย
ดังนั้น ในบางครั้งการพึ่งพาคนอื่นก็เป็นสิ่งสำคัญ การเล่นกีฬาและเคลื่อนไหวร่างกายก็ช่วยบรรเทาอาการเครียดได้เช่นกัน โดยเฉพาะคนที่ต้องนั่งโต๊ะทำงานเป็นส่วนใหญ่ ควรออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้ร่างกายสดชื่น ขอให้ทุกคนทำในสิ่งที่ตัวเองสนุกและสามารถบรรเทาความเครียดได้